Sunday, September 23, 2012

โยนขนมให้สุนัข

เรารู้สึกอย่างไร ตอนที่เราโยนอาหารให้สุนัข จะเป็นตัวที่เราเป็นเจ้าของหรือไม่ก็แล้วแต่ คำว่า "รู้สึก" อย่างไร เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นที่ในใจของเรานะ
ใจของเราเป็นยังไง สบายๆไหม ? กายของเราล่ะ ผ่อนคลายไหม หรือว่าเกร็ง ? ลมหายใจของเรา เร็วขึ้นหรือช้าลงกว่ายามปกติ ?
ตอนที่ โยนขนมให้สุนัข เรามีความคาดหวังไหม เราคิดจะทวงบุญคุณไหม เรารู้สึกเสียดายไหม ?
จิตที่คิดจะให้นี้ มันเบาไหม ? กายเราเบาไหม ลมหายใจเข้าออกของเราสบายๆไหม ?

คำถาม : เจ้านายเป็นข้าราชการชั้นสูง ชอบขอเบิก ใช้สิทธิเต็มที่ พยายามทุกทางที่จะเอาสิทธินั้นๆ เช่น ต้อง ได้ตั๋วเดินทางชั้นหนึ่ง นอนโรงแรมห้องเดี่ยว เดอลุกซ์ เบิกทุกอย่างที่เบิกได้ ให้คนขับรถราชการไปรับส่งลูกเมีย ฯลฯ ทำให้ดิฉัน รับไม่ได้ จี๊ดๆ จิตเกิดอาการ จึงขอเรียนถามว่า จะทำยังไงดี
ตอบ : ตอบแบบโลกๆ คือ คิดบวก เช่น
เหมือนโยนขนมให้สุนัข เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ทำตามหน้าที่ ตอนเราโยนเราหวงไหม เราเสียดายไหม ผมเชื่อว่าน้อยคนจะเสียดายนะ
คนพวกนี้ จำนวนชาติที่มาเป็นคนค่อนข้างต่ำ คือ นานๆได้เกิดเป็นคนสักที ยังติดสันดานแบบสัตว์บาดเจ็บ หรือ แบบเปรตหิวโหย
พอมารับราชการ ก็คิดว่าเงินเดือนน้อย จึงต้องขอเอาคืน และคิดว่านี่คือ สิ่งที่ฉันต้องได้ ไม่ยอมเสียเปรียบ ยิ่งได้ยิ่งเคยตัว
นึกถึง สุนัขไว้ เราก็ทำทานไป อย่าไปอิน อย่าไปออกอาการ อย่าจิตตก อย่าคิดมาก สุนัขก็เป็นเช่นนั่นเอง เขาเป็นเช่นนี้เอง คงยังไม่ถึงเวลาของเขา บุญยังมาไม่ถึงเนอะ
ตอบแบบทางธรรม คือว่า ขอให้เราย้อนมาดูกาย ดูใจของเรา
ผมจะไม่ยอมขาดทุน ให้จิตตก แน่นอน มันไม่คุ้ม
จงตั้งสติ หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย
คนแบบนี้ ก็เป็นแบบนี้เองแหละ เขาทำหน้าที่ของเขา คือ ทำชั่วให้เราดู เขาเป็นอาจารย์ เราเป็นผู้ดู ดูกาย ดูใจของเรา สะสมแต้ม สะสมคะแนนสติ และ ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำชั่วให้เราได้ข้อคิด ได้แบบฝึกหัดสะสมสติ
ถาม : ถ้าไม่ทำอะไร ไม่สั่งสอน แล้วปล่อยคนแบบนี้ลอยนวล ประเทศจะเป็นอย่างไร เจอคนชั่ว เราต้อง "ลุย" นี่แหละหน้าที่ หน้าที่พลเมือง ไม่ใช่หดหัวในกระดอง อ้างธรรมะแบบนี้
ตอบ : ผมก็เคยคิดแบบลุยๆ มาก่อน คิดจะเป็นมือปราบ และ ถ้าคุณคิดว่าดี ก็ดีนะ คุณก็ทำซิ ลุยเลย
แต่ ตอนนี้ ผมต้องถามตนเองก่อนว่า (1) ใช่หน้าที่ของเราไหม ? เราเกิดมาเพื่อปราบ เพื่อสั่งสอนเขาหรือเปล่า ? และ เมื่อลุยได้ผลอะไรกลับมา คุณคิดว่าลุยเข้าไปแล้วมีโอกาสสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คุ้มค่าคุ้มเวลาไหม เป็นแผนที่ดีแล้วหรือ แน่ใจนะว่าลุยแบบนี้ดีที่สุดแล้ว (2) เราจัดการตัวเราได้หรือยัง ? ดีกว่าเขาแล้วหรือ ? เกิดมาในชาตินี้เพื่ออะไร เพื่อหลุดพ้น สร้างปัญญา หรือ เพื่อ จะผูกกรรม สร้างชาติกับคนๆนี้ต่อไปอีกหรือ คุ้มไหมล่ะ จิตเกิดกับใคร ก็ต้องตามไปเจอกันอีกนะ เจอคนแบบนี้ อีกหลายชาติเลยนะ ลงไปเป็นสัตว์กับเขาด้วยนะ (3) เรามีกี่ ยุทธวิธีในการเปลี่ยนแปลงผู้คน ถ้ามีแค่วิธีเดียว คือ ด่า สั่งสอน ผมว่า เรานี่แหละ พวกหัวสี่เหลี่ยม คนจีนเรียกว่า ซี้ปังเท้า เพราะ ยุทธ์ศาสตร์ในการจัดการ มีมากกว่า 36 แบบ เราเคยเรียนหรือยัง ? เคยคิดไหมว่า เขาพร้อมที่จะรับฟังเราหรือยัง เขามีปมในใจอะไร เราเคยสืบค้นหรือยัง เคยศึกษาจุดอ่อนจุดแข็ง ของเราของเขาหรือยัง อย่าบุ่มบ่าม อย่าซดของร้อน ใจเย็น ๆ หัดรอเวลา รอจังหวะ ตั้งสติ ก่อนนะ อย่าเป็นขุนพลเอาแต่ใจตนเอง อย่างเตียวหุยในเรื่องสามก๊กนะ (4) เคยอ่านเจอว่า พระพุทธองค์ทรง ่่ลุย ่่ เข้าไปปราบผู้คน ตรงๆทื่อๆ แบบลุยๆที่คุณว่าไหมล่ะ ? พระพุทธองค์ ทรงมีพระมหาเมตตานำหน้า ทรงใช้กุศโลบาย ทรงเลือกพุทธวิธีในการจัดการในแบบต่างๆกันนะ และ เราลองถามตัวเราเองว่า ก่อนจะลุย ก่อนจะด่า หรือ สั่งสอนใคร เรามีสติ มีเมตตาหรือยัง ? (5) เราเป็นคนติดดีหรือเปล่า ? คนติดดีแก้ไขยากนะ คือ แก้ไขตนเองยาก เพราะมัวแต่ส่งจิตออกนอก มัวแต่ตำหนิ มัวแต่จับผิดผู้อื่น คนแบบนี้ "หลงความคิด" ชอบด่วนตัดสิน ด่วนฟันธง มักใช้แต่คำว่า "ในนามแห่งความดี ฉันขอพิพากษาเธอ" โดยไม่ไตรตรอง ไม่ให้โอกาส ไม่สอบสวน ไม่มองขีดจำกัดของผู้คน ไม่เมตตา เต็มไปด้วยโทสะ เต็มไปด้วยอคติและลำเอียง (6) สุนัขก็ได้ขนมจากเราๆไปแล้ว ถ้าเราคิดจะเอากลับคืนมา มันมีโอกาสสำเร็จไหม มันคุ้มไหม เอาคืนจากปากสุนัขเนี่ยนะ จิตที่คิดจะเอาคืนเป็นอย่างไร ? มันหนักไหม ? ตอนจะตีสั่งสอนสุนัข จิตของเราเป็นยังไง ? มันหนักไหม ? มันคุ้มไหม ? จิตตก จิตอกุศลเพียงเพื่อจะเอาคืนเนี่ยนะ ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกหลายชาตินะ มันคุ้มไหม ? เป้าหมายของเราคืออะไร เราเกิดมาทำอะไร คิดให้ดีๆนะ ฝึกสติให้มากๆนะ ไหนๆก็ได้เกิดเป็นคนแล้วเนอะ สุนัขเขาก็เป็นเช่นนี้เอง

Saturday, September 22, 2012

เวลาไปช่วย รร บ้านนอก จงส่งเสริมในส่ิงท่ีเขามีดี

วันก่อน ผมอ่านเจอ โพสต์ เชิญชวน ให้ไปช่วย พัฒนา โรงเรียนในบ้านนอก ขอ คอมฯ ขอเคร่ืองเขียน หนังสือเรียน ฯลฯ
แต่ผมมองต่างมุม ไม่ได้ค้านนะ แต่เสริมให้เนอะ
1) ผมว่า เราควรใช้หลักการ ่่ อย่าสอนคนให้จับปลา จงสอนคนให้เลี้ยงปลาเป็นด้วย ่่ _ หรือ อย่าให้เป็นเงิน เป็นของ แต่ สอนให้คิดเป็น ทำเป็น รักของดีในถ่ินของเขา จะดีกว่า
2) บางหน่วยงาน บางชมรมในมหา ่ ลัย เข้าไปสอน กิจกรรมกลุ่ม ล้อมวง โสเหล่ ระดมสมอง (Dialogue) แนะนำ ความสำคัญ ของสมุนไพร จุดเด่นในท้องถ่ิน ประวัติศาสตร์ท้องถ่ิน พืชหายาก เพาะน้ำหมักชีวภาพ ฉายคลิปดีๆ คำสอน คำคม ฯลฯ ซ่ึงดีมากเลย
3) หนังสือบริจาค ต้องกรองหน่อยนะ เนื้อ ภาพเปลือย กิเลสคนเมือง กวดวิชา ฯลฯ ท่ีไปย่ัวกิเลสเขาเปล่าๆ
4) เข้าไปช่วยแล้ว ก็เข้าไปซ้ำ ช่วยจนเขาคิดเป็น รู้จักความพอเพียง ช่ืนชมเขา ฯลฯ
5) ถนนถึง ไฟฟ้าถึง อาจจะนำหายนะมาให้เขาก็ได้นะ อย่ายัดเยียดวิธีคิดอย่างคนกรุง กลายเป็น ่่ ตาบอด สอนตาดี ่่ หลายเร่ือง พวกเขารู้ดีกว่าเรา เราควรแลกเปล่ียน
6) การศึกษาของคนเมือง ยุคนี้ มันทำลาย ไม่ย่ังยืน แข่งขัน ไกลธรรมชาติ โกง เอาเปรียบ ฯลฯ ย่ิงไปสอนมาก คนของเขาก็ท่ิ้งท้องถ่ินมาก ___ น่าจะสอน ( ใช้คำว่าแลกเปล่ียน กับพวกเขา ฟังดูนอบน้อมกว่าใช่้คำว่า ่่ สอน ่่ เนอะ) กระบวนการเร่ียนรู้ เทคนิคการอยู่ในธรรมชาติ เล่ห์เหล่ียมพ่อค้า กลโกงการเมือง ยาเสพติด ส่ิงแวดล้อม ภัยธรรมชาติ โรคติดต่อ ฯลฯ
!!!! เป็นแค่อีกมุมมอง ของผมนะ !!!!

Thursday, September 20, 2012

สอนแบบไม่ให้รู้ตัวว่าสอน:(1)มารยาทเดินเบาๆแบบไทย

วันนี้ สอนเร่ือง สติ ่่กายรู้กาย ่่ หรือ กายในกาย คือ ไม่เอาความคิดเข้าไปรู้ ไม่แย่งกายในการรู้กาย
ผมกำลังนึกตัวอย่างอยู่พอดี ก็เห็น คุณนก เธอเดินมาพอดี _ เสียงลงเท้าดังชัดเจน
ผมก็บอกเธอว่า ่" ย่อง _ ย่อง คุณนก ลองเดินแบบย่องๆ ดูนะ ฝึกกายรู้กาย นะ ่่
เธอ ก็ลองเดิน แต่ ก็ยังมีเสียงอยู่บ้าง ผมก็บอกให้เธอ ลองเดินใหม่ นึกว่าเดินบนบ้านไม่้ ไม้กระดาน เสียงจะดัง เอี้ยด อ๊าด จึงต้องเดินเบาๆ
เดินเบาๆ ใจเบาๆ โล่งๆ หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย รู้กายด้วยกาย _______
เมื่อเดินเบาๆได้แล้ว ผมก็ถามเธอว่า ่่เรียนรู้อะไร ? ่่__ เป็นการถามตามหลัก Dialogue ขั้นพื้นฐาน__
เธอบอกว่า เข้าใจเร่ือง กายรู้กาย มากขึ้น ความคิดลดน้อยลง เห็นความคิดจร (ความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจ อยู่นอกแผน ) ชัดขึ้น
ผมเสริมเธอว่า ่่ ดีมาก และ คุณนกเช่ือไหมว่า ผมคิดว่า คนโบราณ มีพระอริยเจ้าเยอะ ท่านคงออกอุบาย เดินเบาๆ ทำให้ สติท่ีเท้าย่างก้าวชัดขึ้น ส่วนพวกเดินกระโดกกระเดก ยากท่ีจะเห็นสติท่ีฐานกายรู้กายนี้ มาสมัยนี้มี แต่พวกคิดๆๆๆๆ จนลืมใช้กายรู้กาย และ ท่ีแย่ คือ สมัยนี้ ไม่มีผู้ใหญ่กล้าเตือน คือ ไม่มีค่านิยมเดินเบา คือ คนสุภาพ ่่
เธอเสริมว่า " พวกฝร่ัง เดินเร็วไว ความคิดก็ไว เพราะพวกเขาไม่รู้จักการฝึก "สติ ่่ และ ถ้าใส่ผ้าถุง ผ้าซ่ิน ต้องระมัดระวัง ดังนั้น หญิงไทยผู้ดี โบราณ เดินต้องมีสติ ่่
เราเห็นตรงกันว่า ่่ น่ีแหละ การเดินเบาๆ ช้าๆ เป็น หนึ่งในอุบาย หรือ อาจจะไม่ใช่อุบาย แต่ บังเอิญ ใช้ฝึกสติได้ ก็ได้เนอะ ่่
--- จะลุก จะน่ัง จะเดิน ก็ให้ กายได้รู้กาย ใจโล่งสบาย คิดดี ทำดี ฯลฯ
--- มีโอกาสก็ฝึกนะ หาโอกาสว่างๆ เช่น รอคิว รอรถ อยู่บ้าน อยู่วัด อยู่ในสวน เดินไปห้องน้ำ
---





Saturday, September 15, 2012

เพลง Wish You Were Here by Pink Floyd

So, so you think you can tell Heaven from Hell, คุณ คุณ คุณคิดว่าคุณสามารถ แยกแยะสวรรค์กับนรกได้จริงหรือ ? ( ทำลายธรรมชาติสวยงาม ไปเป็นวัตถุ เกือบหมดแล้ว เห็นกงจักร เป็นดอกบัวไปแล้ว )
blue skies from pain.รู้จัก แยกแยะความแตกต่างระหว่าง ฟ้าสีคราม กับ ความเจ็บปวด ได้หรือ ?
Can you tell a green field from a cold steel rail? คุณบอกความแตกต่าง ทุ่งหญ้าเขียวขจี กับ รางเหล็กเย็นเฉียบ ได้หรือเปล่า ?
A smile from a veil? รอยยิ้ม กับ ความเสแสร้งแกล้งปิด ?
Do you think you can tell? คุณคิดว่าคุณบอกความต่างได้ไหม ? ( คงบอกยาก ทำตนเองติดยึดกับรูปธรรม จนมองไม่เห็นด้านนามธรรมไปแล้ว หลงไหล ไปตามกระแสกิเลส) ?
And did they get you to trade your heroes for ghosts? พวกเขาได้เอาวีรบุรุษของคุณไปแลกเป็นปิศาจ ? เห็นคนเลว คนโกงเป็นเทพไปแล้ว

Hot ashes for trees? เอา เถ้าถ่านร้อน มาแทนต้นไม้ ( สร้างมลภาวะ ทำลายป่า ฯลฯ )
Hot air for a cool breeze? อากาศร้อน มาแทน สายลมเย็นสบาย ( รู้ลึกโง่กว้าง รู้แต่สร้างๆแบบไม่ย่ังยืน และไม่พอเพียง เรียนแต่ ่เรื่องท่ีขาดเมตตา)
Cold comfort for change? เอาความเย่็นสบาย ไปเป็นตัวเปล่ียน ( เป็นความสนุกสนานไปวันๆ สุรา นารี ความบันเทิง การพนัน ฯลฯ )
And did you exchange a walk on part in the war for a lead role in a cage?
และคุณได้ทำการแลกเปล่ียน เพียงแค่อยากเป็นผู้นำในกรง ด้วยการพาผู้คนเข้าสู่สงคราม
How I wish, how I wish you were here.
ฉันอยากจะ คิดว่า ทำยังไง เธอ ( เหล่าผู้นำ ผู้บริหาร ) จึงมาท่ีน่ีได้
We're just two lost souls swimming in a fish bowl, year after year, พวกเรา ต่างก็เป็นแค่ วิญญาณหลงทางในอ่างปลา (ติดในวัฏฏสงสาร) ปีแล้วปีเล่า (ชาติแล้วชาติเล่า)
Running over the same old ground.
ยังคิดเหมือนเดิม ทำตัวเหมือนเดิม ( งกๆ เค็มเหมือนเดิม ตามใจกิเลสตนเองเหมือนเดิม ย่ิงแก่ ย่ิงด้อยโอกาสในการเรียนรู้ )
What have you found? คุณได้พบอะไรบ้าง ล่ะ ( หลงอยู่กับ ลาภ ยศ สรรเลริญ กาม ทั้งวัน ทั้งคืน จะไปค้นพบอะไรได้ล่ะ หาตนเองเจอหรือยัง ?The same old fears. ความกลัวเดิมๆ (กลัวตาย กลัวจน กลัวเสียหน้า กลัวไม่ได้สนุก กลัวลำบาก ฯลฯ)
Wish you were here. โอย อยากให้คุณมาท่ีน่ี จริงๆ
(มาเจอกัน มาเห็นความจริง เมตตากันบ้าง เข้าใจกัน )
............................................
ผมว่า เพลงนี้ เหมาะกับ งานปิด กีฬาโอลิมปิก ลอนดอน ฤดูร้อน 2012 .....
เป็นเพลงเดิมของ Pink Floyd เอามาร้องใหม่ (cover) ในพิธีปิดสนาม โดยดาวรุ่ง Ed Sheeran




source: http://www.lyricsondemand.com/p/pinkfloydlyrics/wishyouwereherelyrics.html

Thursday, September 13, 2012

ติดความคิด คือ ติดโลก .... by Dharma chilled ๆ

เหตุผลแบบทางโลก มากับความคิด เหตุผลทางธรรม ดูท่ีใจ แต่เริ่มฝึกสติท่ีกายก่อน
คนท่ีทะเลาะกัน ก็เพราะใช่่้เหตุผล ของตนเอง จากมุมมองตนเอง โดยไม่รู้ว่า จิตใจตอนนั้นๆเป็นยังไง
คนที่ใจสงบ มีสติ มีเมตตา จะใช้ ความดี น้ำใจ นำหน้าเหตุผล ใช้กุศโลบาย ฟังๆไปก่อน ไม่ด่วนฟันธง ไม่ด่วนพิพากษา น่ันผิด น่ีถูก แต่เขาจะ ถามต่อ สืบค้น ชวนคุย ลองทำ ตั้งหัวข้อวิจัยทดลอง ฯลฯ ไม่ใช่เอะอะ ก็อคติ ลำเอียง แบ่งพวก ตัดเกรด ยกตนข่มกัน ดูถูกดูแคลนกัน
เหตุผลต่างๆ ท่ีบรรจุในกระโหลกของเรา เรารู้ได้ไงว่ามันถูกต้อง และครบถ้วน เราคิดเองเออเองเสียมาก ความเช่ือต่างๆของเรามากมาย ที่เราโดนหลอกก็เยอะนะ นักโฆษณา ส่ือ งานวิจัย ลวงโลกมีเยอะมาก กิเลสเราเองก็เยอะ เลยหลงกันเข้าไปใหญ่
เหตุผลต่างๆ เราเคยมาแยกแยะคุณภาพ ดีช่ัว ม่ัวว่า เขาว่า ใครสักคนว่า หรือไม่ ตามพวกมากลากไปหรือเปล่า บัณฑิตติเตียนไหม เคยลองทำดูหรือยัง ใส่ไข่ลงไปหรือเปล่า มีผลประโยน์แอบแฝงไหม เขาหลอก และ ่่ ลับ ลวง พราง ่่ สมัยนี้เยอะนะ

Monday, September 10, 2012

ความสำเร็จ ในแง่ธรรมะ

๙ ประการแบบง่ายให้เข้าใจความสำเร็จแบบทางธรรม บ้างเนอะ(๑) เชื่อว่าทำได้ นิพพานเป็นเรื่องที่ทำได้ในชาตินี้ อย่าดูถูกตนเอง (๒) ความรู้ คือ การมีสติ ไม่ใช่รู้แบบจำๆ แต่เป็น กายรู้กาย ใจรู้ใจ (๓) อย่าข้ามขั้น หมั่น ทำทาน รักษาศีล ภาวนา ชนะจิตบ้างนะ (๔) อินเทรน คือ ไหลตามกระแส เป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ กิเลสลากไป ตามสื่อกิเลสไป พังแน่นอน (๕) ห่างไกลคนพาล คบบัณฑิต มงคล ๓๘ (๖) ความสุขแบบโลกๆ ก็คือ ทุกข์ ทุกข์เพราะ แยกจิตกับความคิดไม่เป็น สติน้อยเกินไป (๗) ลอง "ไม่อยาก" ดูบ้างนะ ฝึกอยากมาเยอะแล้ว (๘) ความสุข คือ ใจโล่งๆ โปร่งสบาย (๙) ให้โอกาสตนเองบ้าง ทำทางโลกมาเยอะแล้ว ออกไปฝึกทางธรรมบ้างเด้อ

คำแนะนำ 12 ประการ ใช้ชีวิตในยุคนี้

“คำแนะนำ ๑๒ ประการ สำหรับชีวิตในโลกยุคปัจจุบัน”
ในโลกปัจจุบันนี้ จัดเป็นยุคที่ สับสน หลอกลวงกันได้ง่าย โดยเฉพาะเป็นยุคทางสื่ออิเลคทรอนิค เป็นยุค “ลับ_ลวง_พราง” สิ่งที่อ่านในสื่ออาจจะไม่ใช่ความจริง สิ่งที่เป็นข่าว อาจจะเป็นข้อมูลลวงและพราง เปลี่ยนประเด็นความสนใจของประชาชนออกไป กฏหมายชราภาพพอๆกับผู้รักษากฏหมายชราภาพ การศึกษาเป็นทาสของนักธุรกิจ เป็นการศึกษาเชิงพานิชย์ ฯลฯ มากกว่าสมัยก่อนๆ หรือ สมัยก่อนอาจจะมีมากก็ได้ แต่ ไม่ค่อยเป็นข่าว ไม่ค่อยโดนจับได้ ข่าวร้ายโดนลบทิ้งได้ทันเวลา ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะฟันฝ่ายุคนี้ไปได้อย่างสมดุล คือ สมดุลทั้งทางโลกและทางธรรม สมดุลทั้งการเงิน เศรษฐกิจ สังคม และ รักษ์โลก เพื่อที่ว่าสุดท้ายไม่โดนระบบธรรมชาติ จัดระเบียบ ด้วยสงคราม และ ภัยธรรมชาติต่างๆ __ คนสมัยนี้ คล้ายกับผีร้าย ซาตานเข้าสิง สามารถทำธุรกิจ แบบทำลาย ทำร้ายสุขภาพผู้คนได้แบบหน้าตาเฉย ตาใส ไร้ความรู้สึก ไม่ผิดกฎหมายทั้งๆที่ผิดคุณธรรม โดยผ่าน ระบบการตลาดที่โหดเหี้ยม กลไกการตลาดที่ "ลับ ลวง พราง" และ เพื่อ ยั่วยวน หลอกล่อ จับจุดอ่อน ส่งเสริมความฟุ่มเฟือย ฯลฯ โดยใครไม่รู้เท่าทัน ก็ "ติดกับดัก" หลุดเข้าระบบ "สายพานชีวิต" ........ ผมมีคำแนะนำ ง่ายๆ (ไม่ต้องมีเอกสารอ้างอิง เพราะ คิดเอง มั่วเอง) ๑๒ ประการ ดังนี้ __(๑) อย่าเชื่อโฆษณา : นักการตลาด นักโฆษณา มากมาย ใช้ เทคนิค ศิลปะการยั่วยวน ให้ คึกที่จะซื้อ นับวันจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เร่งให้เป็นนักซื้อ หัดสร้างหนี้ตั้งแต่เป็นเด็กๆกันเลยทีเดียว ศาสตร์ทางการตลาด โฆษณา สื่อสารมวลชน กลายเป็นศาสตร์ที่ "ติดลบ" "อกุศล"มากขึ้น เสื่อมลงมากขึ้น คนในวงการ ไม่ควบคุมกันเอง ไม่ตักเตือนกัน ดังนั้น เราในฐานะผู้บริโภค ก็ต้องเลิกเสพสื่อ เลิกเชื่อโฆษณา สอนลูก สอนหลาน สอนเยาวชน ให้เห็น กลลวงต่างๆ ให้มากขึ้น รู้ให้ทัน __(๒) ดู TV ให้น้อยลง และ หันไป ลงมือทำอะไรด้วยตนเองมากขึ้น ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ห่างไกลจอทีวี จอ Internet บ้าง สุขภาพของท่าน จะโดนทำลาย ทั้งสายตา กล้ามเน้ื่อสะบักไหล่ กระดูกจะปวดทั้งที่หลังและที่คอ โรคกระเพาะอาหาร นอนน้อย และ อื่นๆ สุดท้าย เงินเก็บที่หามาได้ จะหมดลง เพราะ เป็นค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาล นั่งรถเข็นหรือนอนพะงาบพะงาบ ช่วยตนเองไม่ได้บนเตียง และ ไม่มีลูกหลานมาดูแล เพราะ ท่านทอดทิ้งพวกเขา มาหมกมุ่นอยู่หน้าจอทั้งวัน ท่านลืมออกกำลังกาย ความรัก ความผูกพันในครอบครัวจะหายไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างอยู่มากขึ้น __(๓) เดินห้างให้น้อยลง พาลูกพาหลานออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้างนะ : เดินในห้าง ท่านก็ผสมลมหายใจของใครต่อใครก็ไม่รู้ปนเปไปกับท่าน สูดเชื้อ ดมกลิ่น สารเคมี ที่ฉีดลงบนสินค้าต่างๆ ดมทุกวัน บ่อยๆมากๆก็แย่เหมือนกันนะ ออกไปกลางแจ้ง ที่อากาศดีๆ เพราะ บนถนนยิ่งเลวร้ายกว่า โดยเฉพาะในประเทศที่ไม่เอาจริงเรื่องอะไรสักอย่าง นอกจาก การเมืองและผลประโยชน์ กีฬากลางแจ้ง แบบฝรั่ง มีแต่ค่ายใช้จ่ายราคาแพง เป็นกีฬาเชิงการค้าไปแล้ว เราก็ลองหากิจกรรมง่ายๆ ราคาถูก เช่น เดินป่า ปลูกต้นไม้ เข้าวัด ก็ได้นะ __(๔) อย่าไปอยู่ในฝูงชนมากนักเลย โดยเฉพาะคอนเสริท์ ต่างๆ : หูจะแตก เพราะ ลำโพงเปิดเสียงดังลั่น ทั้งในห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด ลานเต้นแอร์โรบิก ถนนที่รถเต็มไปหมด รถเปิดเพลงดังลั่นและ ในชนบท ก็ยัง เปิดเพลงดังลั่นระวัง ยังมีระเบิดจากผู้ก่อการร้าย โรคติดต่อร้ายแรง ท่ีอาจจะมาพร้อม การเปิด AEC (ประชาคมอาเซียน) ก็ได้นะ อย่าทำอะไรตามๆกัน หันทวนกระแสแล้วจะปลอดภัย อย่าไปเห่อตามเขามากนัก โดยเฉพาะเร่ืองอาหาร มีแต่ภัย ซ่อนเร้นอยู่ __(๕) ซื้อให้น้อยๆหน่อย หัดทำเองบ้าง :ปลูกผักเอง แล้วจะรู้ว่า ผักธรรมชาติ กับ ผักอันตรายด้วยสารเคมี มันต่างกันเยอะเลย ทั้ง รส สี และกลิ่น หัดพึ่งพาตนเองบ้าง ลดการนำเข้า ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในบ้าน และ ในองค์กรก็ได้ วิศวกร มีแต่ catalog engineer ซื้อๆๆ เทคโนโลยีต่างชาติ คิดอะไรเองไม่เป็น ออกแบบไม่เป็น เก่งแต่ “จัดซื้อ” ควรหัดฝึกวิศวกร เป็นนักประดิษฐ์บ้าง ผู้บริหารหัดทำอะไรเองบ้าง ลงจากหอคอยงาช้าง ลงมาเลียบค่ายดูทหารเลวบ้าง อย่าคิดเองเออเอง ลงมาดูที่จริง ของจริง ความจริงบ้าง อย่าหูเบา อย่าเชื่อคนข้างกายมากนักเลย __(๖) หยุดทาน อาหารโหลๆ (Junk food) แล้วหัด ทานอาหาร ตามธรรมชาติบ้าง : ระบบการศึกษายุคนี้ เป็นแบบ “รู้ลึกโง่กว้าง” สุดท้าย ตายน้ำตื้น โดนพ่อค้าแม่ค้าหลอกเอาสารเคมี ใส่ลงไปในอาหาร ทานเข้าไปทุกวัน แบบ “โง่ ตาใส” เรียนก็สูง การงานก็ดี แต่ สอบตก เรื่องพฤติกรรมการทานอาหาร เร่งรีบ โดนหลอก หลงตนเอง ขี้เกียจ มักง่าย สุดท้าย "ทานแบบด่วน ก็ตายแบบด่วน" กลับบ้าน ทานข้าวกับพ่อแม่ ลูกเมียบ้าง ทานอาหารนอกบ้าน น่ากลัวนะ จะบอกให้ __(๗) เอาแต่ทำงานแบบเดิมๆ แล้ว คาดหวังผลงานดีๆ :ขยันแบบโง่ ทำเหมือนเดิม ไม่ปรับปรุง ไม่พัฒนา ไม่กล้าลอง อ้างงานยุ่ง ซึ่งพวก ขยันแต่โง่นี้ ฮิตเล่อร์ (Hitler)บอกว่า “เจอเมื่อไร ให้ฆ่าทิ้ง” สุดท้ายองค์กรไปไม่รอด ตนเองล้มบนฟูก ลูกน้องเดือดร้อน ประเทศชาติเสียหาย แม่ธรณีโดนรังแก วนอยู่ในกรอบเดิมๆ ตั้ง KPI มาวัดผลงาน ด่าในเรื่องซ้ำๆ ด่าคนทำไม่ด่าคนส่ัง เข้าลักษณะที่ว่า “ใครขโมยเนยแข็งของฉันไป” หรือ “สาปแช่งความมืด ลืมจุดตะเกียง” __(๘) เอาแต่ขับรถ ลองหัดเดินดูบ้าง :เอาแต่ ยั่วให้คนซื้อรถ ปล่อยดอกเบี้ยให้ซื้อรถ สุดท้าย รถเต็มเมือง ถล่มน้ำมัน ต่างชาติฟันกำไร คนไทยเป็นง่อย เดินไม่เป็น ระบบรถสาธารณะน้อย กดดันให้ซื้อรถใหม่ ดูดควันพิษ ่... ยังไม่มีระบบ Sky walk ในเมืองไทย คือ สามารถเดินเชื่อมทะลุได้หมด ไม่ต้องใช้รถ __(๙) ของเก่ายังใช้ไม่คุ้ม ซื้อใหม่อีกแล้ว ลองอดทนใช้ของเก่าๆบ้าง :ทั้งโทรทัศน์ โทรศัพท์ หัดค่อยๆใช้ไป ไม่ต้องบ้าจี้ ขี้อวด ขี้โอ่ กลัวตกเทรนด์ อดทนหน่อย เปลี่ยนระบบคอมพิวเตอร์ อยู่เรื่อย ลงโปรแกรมใหม่ๆ ลูกอีช่างเปล่ียน จนคนในองค์กร มึน งง เบลอไปหมดแล้ว __(๑๐) หยุดวุ่นวายเรื่องชาวบ้าน หัดมาพิจารณาตนเองบ้าง : เอาแต่ จับกลุ่มนินทา เพ่งโทษ โดยไม่หันมาพัฒนาตนเอง ติดดี เห็นคนอื่นแย่กว่า พูดจาทับถม ดับกำลังใจกัน สุดท้าย องค์กรหมดสภาพ เลิกเห่อฝรั่ง เห่อต่างชาติ หันมาใช้ของไทยๆ ภูมิใจในความเป็นไทยบ้างนะ หัดขอบคุณกันบ้าง อย่าเป็นองค์กรแล้งน้ำใจ อย่าวางฟอร์ม อย่าระแวง อย่าต่างคนต่างอยู่ อย่ากัดกันเอง ___(๑๑) หัดทำอะไรช้าๆบ้าง เร่งมาแล้วทั้งชีวิต : ในความช้า มีอะไรให้ศึกษามากมาย จะเร่งไปตายถึงไหน เร่งขับรถ เร่งกิน เร่งโกง เ่ร่งกำไร ไปถึงไหน รอๆ ธรรมชาติฟื้นตัวบ้างนะ ถล่มแม่ธรณีทำไมกันเนี่ย ช้าให้เป็น ช้าอย่างมีสติ หัดนั่งสมาธิ เดินจงกรม ทำงานศิลปะบ้าง__(๑๒) หัดมีระบบสำรองบ้าง : ถ้าอยู่เมืองใหญ่ วันใด มีสงคราม มีภัยธรรมชาติใหญ่ๆ จะหลบไปไหน แก่แล้วจะทำอะไร อย่ามาติดเรื่องเกษียณ ตอนอายุ ๕๙ ปี มันสายไปแล้ว ควรคิดตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปีแล้ว ว่าจะเกษียณยังไง อย่ามั่นใจว่า กฎแห่งกรรมไม่มีจริง หัดสำรองความเชื่อเอาไว้บ้าง หากเรื่องที่เราไม่เชื่อ โดยเฉพาะ เรื่อง ชาติหน้า เรื่องนรกสวรรค์มีจริงขึ้นมา เราจะทำไง หัดบริหารความเสี่ยงบ้างนะ เรียนทางสายวิทย์มาตลอด เชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์มาตลอด แล้วรู้ได้ไงว่า วิทยาศาสตร์ถูกต้อง ในเมื่อ มนุษย์ที่โกงๆ มั่วๆ เป็นคนทำวิจัย ทำการทดลอง และ เป็นนายทุนนำเสนอ กระบวนวิธีทางวิทยาศาสตร์น่าจะถูกต้อง 100% แต่ นักวิทยาศาสตร์นี่ซิ ไม่น่าจะถูกต้อง ทุกคนนะ บางคนอาจจะรับเงินนักธุรกิจชั่วร้าย งกๆเค็มๆ โกงๆมาก็ได้นะ บิดเบือนผลการวิจัยเพื่อเข้าข้างตนเองก็มีนะ ****** อย่ารอแก่แล้วไปวัด ไปศึกษาทางธรรมนะ ******* เรื่องทาง พุทธศาสตร์ เป็นเรื่องที่ต้องฝึกๆๆๆ จนได้ทักษะ ไม่ใช่ แค่คิด ไม่ใช่แค่อ่าน ก็จะเข้าใจได้นะ ดังนั้น อย่าประมาท อาจจะตายก่อน เกษียณก็ได้ อาจจะพิการ จนศึกษาทางธรรมไม่ได้ก็ได้นะ รู้ได้ไงว่า ที่เชื่อมาทั้งชีวิต หนีธรรมะมาทั้งชีวิต เป็นเรื่องจริง หากไม่ศึกษาธรรม ไม่เข้าหาบัณฑิต ก็คือ คิดเอง เออเอง มันพลาดได้ง่ายๆนะ เรื่องทางธรรม ไม่ใช่ เรื่องการใช้ “ความคิด” นะ หลงใช้ “ความคิด” มาทั้งชีวิต แล้วจะเข้าใจธรรมได้ยังไง ธรรมะเป็นเรื่องของ “สติ” ที่ต้องผ่านการฝึกฝน สะสมเก็บชั่วโมงฝึก คนคิดมากฝึกธรรมไม่ได้นะ _ จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายประการ หลายข้อแนะนำ แต่ ๑๒ ประการนี้ ก็เยอะแล้ว _ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรื่องที่ ฟังดูง่าย แต่ ทำจริงๆยาก เหมือนกับการศึกษาธรรมะ คือ ต้องลงมือทำจึงจะเข้าใจ เอาแต่อ่านแล้ววิจารณ์ไม่ได้เลย __ การพึ่งพาตนเอง ไม่ไหลตามกระแส ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่จำเป็น ไม่ต้องไปคิดแบบแคบๆว่า "ทำกินเองแล้วคนอื่นจะตกงาน พ่อค้าจะไม่มีงานทำ" การคิดแบบนี้ เป็นอะไรที่ วัยรุ่นเรียกว่า "เกรียน"มาก หรือ ภาษาจีนแต้จิ๋ว คือ ซี้ปังโต้ และ ซี้ปังเท้า มากๆ

Wednesday, September 5, 2012

ความหมายทางธรรมของเพลง เดสเพอราโด้

เพลงนี้ร้องกันหลายคน ตั้งแต่ Eagles / Johny Cash / Carpenters/ Westlife อ่านเนื้อหา ให้ดีๆ ... มาแนว "ค้นหา ความหมายของชีวิต" คลิกไปที่ http://uk.youtube.com/watch?v=9NjuR-Dm4FQ&NR=1 เป็นของ Westlife นักร้องวัยรุ่น 4 คน ชาว UK http://uk.youtube.com/watch?v=AQ_egZWkqI&feature=related เสียง Carpenter Desperado, why don't you come to your senses? You been out ridin' fences for so long now Oh, you're a hard one I know that you got your reasons These things that are pleasin' you Can hurt you somehow Don' you draw the queen of diamonds, boy She'll beat you if she's able You know the queen of hearts is always your best bet Now it seems to me, some fine things Have been laid upon your table But you only want the ones that you can't get Desperado, oh, you ain't gettin' no younger Your pain and your hunger, they're drivin' you home And freedom, oh freedom well, that's just some people talkin' Your prison is walking through this world all alone Don't your feet get cold in the winter time? The sky won't snow and the sun won't shine It's hard to tell the night time from the day You're loosin' all your highs and lows Ain't it funny how the feeling goes away? Desperado, why don't you come to your senses? Come down from your fence, and open the gate It may be rainin', but there's a rainbow above you You better let somebody love you, before it's too late เนื้อเพลงเอามจาก http://www.mp3lyrics.org/e/eagles/desperado/ ใน Music video ของ Carpenter จะอ้างถึง Billy the Kids ซึ่งเป็นจอมโตร เพลงนี้ ต้องค่อยๆ ตีความ ดังนี้ ************************ Desperado, why don't you come to your senses? "เดสเพอราโด้" จะให้เป็นชื่อของใครก็ได้ อาจจะหมายถึง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็ได้ เขา (คนร้อง) ขอถาม สรรพสัตว์ว่า "เมื่อไร จะมี สติ ? " หรือ จะแปลว่า เมื่อไร จะรับรู้ รู้สึกถึง จิตใจของตนเอง สืบค้นหาตนเอง (เรา ชั่วอย่างไร เรามีสันดานอย่างไร เราเกิดมาทำไม ฯลฯ) ..... เมื่อไรเราจะเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของใจเรากับใจเขา ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรากับทุกอย่างในจักรวาล เราทำร้ายใครสักคน ก็เท่ากับทำร้ายตัวเรานั่นเอง เพราะ เชื่อมโยง ถึงกันหมด *********************** ผมเชื่อว่า คนแต่ง คือ The Eagles ไม่ใช่แค่ นักร้องเพลง เอามันส์ อย่างเดียว เพลงของพวกเขา เป็นแนว "เพื่อชีวิต" ครับ เขาอาจจะหมายถึง พวกเรา ที่หลงไปกับ "เสพนิยม" "บริโภคนิยม" จน ไม่ได้ฉุกคิด ไมได้เฉลียวใจ ... เราทำลายจิตใจของเรา ของคนอื่น ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เราไม่รักลูกหลาน เพลงนี้ คงเตือนใจ นักอุตสาหกรรม นักการเมือง นักธุรกิจ ทั้งหลาย ให้ หยุดคิด และ มี "สติ" มี การตื่นรู้ (senses) You been out ridin' fences for so long now พวกเรา/ คุณ / พวกเจ้า / นักบริโภคนิยม ฯลฯ ได้ ขึ้นมายืนบน รั้ว (หวาดเสียว น่ากลัว อันตราย) นานแล้ว ความหมาย คือ มาอยู่ใน ถนนสายด่วน (eagle มี อีกเพลง ชื่อ Living in the fast lane) อยู่ในโหมดเร่งรีบ พวกเจ้า อยู่ในโหมดปกป้องตนเอง ต่อสู้ หวาดระแวง โหยหาอะไรที่มันไม่ยั่งยืน Oh, you're a hard one ทั้งที่เรา ทุกคน ก็มีดี มีศักยภาพ (ที่จะพ้นทุกข์) มีความสามารถที่จะรักคนอื่นได้ แกร่ง กล้าทุกคน I know that you got your reasons ฉัน รู้ว่า พวกเรา คงมีเหตุผลของตนเองด้วยกันทั้งนั้น .... แต่ เคยฟังเหตุผลของคนอื่น เขาบ้างหรือเปล่า เอาแต่ "ตะแบง" ๆๆ ไปวันๆ เคยเรียนรู้ที่จะฟังคนอื่น ... เคารพความแตกต่างทางความคิดของคนอื่นหรือเปล่า .. รักษาน้ำใจคนอื่นบ้างหรือเปล่า These things that are pleasin' you Can hurt you somehow สิ่งต่างๆ ที่ เจ้าทำ อาจจะทำให้เจ้า สบายใจ สะใจ กำจัดความกลัวออกไปได้ ... แต่ สุดท้าย มันก็จะย้อน มำทำลายตัวเจ้า เจ้ากลัว เจ้าจึง ด่าเขาก่อน เจ้าจึงกอบโกยก่อน เจ้าจึงเอาเปรียบเขาก่อน เจ้าจึงสั่งสอนเขาก่อน เจ้าจึงยกเหตุผลออกมามากมาย ฯลฯ Don' you draw the queen of diamonds, boy She'll beat you if she's able You know the queen of hearts is always your best bet อย่าเพิ่ง แบไพ่ ควีนส์ข้าวหลามตัด (ความรุนแรง อารมณ์ฉุนเฉียว ความกลัว ความเกลียด ฯลฯ) เพราะ หล่อน (ธรรมชาติ กรรม ชะตากรรม) จะชนะคุณแน่ๆ คุณก็น่าจะรู้ว่า ไพ่ควีนส์โพแดง (ความรัก ความเมตตา) เป็นไพ่ที่ดีที่สุดของคุณ ... คุณควรจะแบมันออกมา !!! ไพ่ข้าวหลามตัด อาจจะหมายถึง สิ่งสมมติ เงินทอง เพชร พลอย ฯลฯ ที่ ให้คุณแบบเจือโทษ หากไปติดยึดมัน และ เจ้าไพ่เพชรนี้ สามารถทำร้ายเราได้นะ เชื่อเถอะ (คนร้องบอก) ว่า ไพ่ที่ดีที่สุด คือ ไพ่หัวใจ ความรักความเมตตา ความสุขสงบที่ใจ มีค่า กว่า เพชรนิลจินดา เงินทอง ความสุขทางโลก มากนัก ****************** ก่อน จะโพสต์อะไร ก่อนจะสนทนาอะไร ใคร่ครวญให้ดีๆ ไม่ต้องรีบร้อนตอบ ไม่ต้อง เป็น "ชาวสวน" (สวนกลับ เอาคืน ล้างแค้น ด่าให้เจ็บ) เราต้องเป็น ชาวไล่ ไล่กิเลส ไล่สันดาน วีนๆ ออกไป ... Now it seems to me, some fine things Have been laid upon your table But you only want the ones that you can't get ตอนนี้ ผม (คนร้อง) เห็นชัดว่า สิ่งสวยงามต่างๆ ความดีงามต่างๆ ได้วางอยู่บนโต๊ะแล้ว (ต่อหน้าคุณแล้ว ความสวยงามของธรรมชาติ เพื่อนที่ดีๆในเว็ปนี้ กัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือ ฯลฯ) แต่ คุณก็ยังโหยหา ต้องการ เรียกร้องเอาแต่ สิ่งที่คุณยังคิดว่ายังไม่มี ยังไม่ได้ ทั้งๆ ที่ ความดี ความสวยงาม ต่างๆ มีอยู่ในเว็ป (managerroom.com) นี้แล้ว คุณจะโหยหาอะไรอีก คนรอบข้าง ก็ล้วนแต่ รัก ช่วยเหลือ ฯลฯ คุณจะโหยหาความรักอะไรอีก สงสารพวกเขาบ้าง เมตตาพวกเขาบ้าง พวกเสพนิยม โหยหาแต่ความสนุก ทำลายป่า ทำลายน้ำ กินเหล้า เมายา บ้าพนัน ฯลฯ เป็นความสุขปลอมๆ .... โดยไม่รู้ว่า ความสุขต่างๆ ก็อยู่ รอบตัวเขา ใกล้ตัวเขานั่นเอง (ความสุขที่ใจ ด้วยจิตสงบ นั่นเอง แต่ ก็ หาความสงบในจิต ไม่เป็นสักที) Desperado, oh, you ain't gettin' no younger Your pain and your hunger, they're drivin' you home And freedom, oh freedom well, that's just some people talkin' Your prison is walking through this world all alone เดสพาราโด้ ... เจ้าก็ไม่ใช่เด็กอีกแล้วนะ ความเจ็บปวด ความโหยหา น่าจะกำลังพาเจ้า กลับบ้าน ( พาจิตกลับบ้าน คือ หาจิตให้เจอ หาความสงบในจิตให้เจอ มันไม่ได้อยู่ในตำรา ไม่ได้อยู่กับความคิด อย่าหลงความคิดของเจ้าเอง) โอ ... ความอิสระ ความว่างของจิตจากขันธุ์ห้า จิตว่าง นิพพาน ที่ใครเขาพูดกัน จริงๆแล้ว ก็แค่ .. คุกที่ขังเจ้ายังไม่เห็นเลย ใยต้องพูดถึงเรื่องนิพพาน เจ้ายังไม่เห็นคุกที่ขังเจ้าเลย เจ้าเอาแต่คิด เอาแต่อ่าน เจ้าไม่ รับรู้ (sense) สัมผัสถึง จิตใจของเจ้าเลยหรือ เจ้าโดน ความคิดที่ผสมกับจิตของเจ้า เละเหลวเป็นสังขยา เจ้ายังไม่ รับรู้เลยหรือ เจ้าเอาแต่ พูดๆๆๆๆๆ บ่นๆๆๆๆ เจ้า ไม่ฟังเสียงภายในของเจ้าเองเลยหรือ ( เราแบกคุกไปไหนมาด้วยกับเราเสมอนะ เราขังตัวเราเองด้วยความคิดของเราเองนั่นแหละ เราเป็น Prisoner of our own thoughts_ คิดอย่างไรเราก็เป็นเช่นนั้น ผมจึงแนะนำให้พวกเรา ฝึกสติ เอาสติเป็นมีดบั่นจิตกับความคิดออกจากกัน แยก "จิต สติ ความคิด" ให้ได้นะ ) Don't your feet get cold in the winter time? ไม่รู้สารู้สม ไม่รู้สึกเลยหรือไง ? The sky won't snow and the sun won't shine ไม่สนใจอะไรเลย หรือ ว่าตายไปแล้ว !!! It's hard to tell the night time from the day You're loosin' all your highs and lows Ain't it funny how the feeling goes away? คุณไม่รู้สึก ถึงเท้าที่ต้องความเย็นในฤดูหนาวหรือ ท้องฟ้าไม่มีหิมะ พระอาทิคย์ไม่ส่องแสง มันบอกได้ยากนะ ว่ากลางวันหรือกลางคืน เจ้าสูญเสียทั้ง สูง และ ต่ำ (เจ้าไม่รับรู้ ความร้อน ความหนาวเย็น .. เป็นสภาวะที่เจ้าจะต้องเผชิญ.. เจ้าไม่รับรู้อะไรทั ้งนั้น เพราะ เจ้า (เสพนิยม นายทุน นักอุตสาหกรรม ฯลฯ) ทั้งหลาย เจ้าขาด "ความรู้สึก" ไปแล้ว เจ้าไม่รู้สึก ตลกหรือไง ที่ เจ้า "สูญเสีย" ความรู้สึกต่างๆไป (ความรู้สึก ถึง น้ำใจของคนในเว็ปที่มีต่อเจ้า ความรู้สึกที่ดีงามตามธรรมชาติ ความเป็นปกติที่จิตใจ ) ***********จริงๆแล้ว คือ มีความรู้สึก แต่ ปกปิดมันเอาไว้แน่นสนิท นี่แหละ ที่ผมเรียกว่า "หลงความคิด หาจิตไม่เจอ" หรือ "ความคิดบดบังความรู้สึก" ความรู้สึกทางอายตนะต่างๆ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ ซึ่ง ความรู้สึกทางใจนี่เอง ใครศึกษา ใครสังเกต ใครทำให้จิตใจเป็นอิสระจากความคิดได้ถาวร คนนั้นก็พ้นทุกข์ ) ************************ เราอาจจะหมายถึง คนที่ ขาด สติ ในการ รับรู้ การเปลี่ยนแปลงทางกาย เวทนา (หนาวร้อน) จิต ธรรม Desperado, why don't you come to your senses? Come down from your fence, and open the gate It may be rainin', but there's a rainbow above you You better let somebody love you, before it's too late Desperado ทำไมเจ้าไม่ ใคร่ครวญ กลับมารับรู้ตนเอง ตื่นรู้ มี "สติ" บ้าง ? ลงมาจากรั้ว ( เจ้าทำตัวโดดเดี่ยว อยู่ในโลกของตนเอง บนเส้นทางแห่งความกลัว เกลียดชัง ฯลฯ) ลง มาเปิดประตูออกไป ( เปิดใจ open heart) เปิดรับ ฟังคนอื่นเขาบ้าง ... หยุดตะแบง แผดด่า ผู้คน ... คิดมุมเดียว วิ่งไปข้างหน้า ประดุจกระทิงเปลี่ยว ทั้งบ้า ทั้งไม่ฟังใคร หูอื้ออึง ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แว้งกลับมาขวิดทุกคนที่ "ตักเตือน" .. ใยเจ้าต้องหลงลืม ผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเจ้ามา... ใยเจ้าต้องโกรธแค้ นบุพการี ที่จากเจ้าไป เมื่อเปิดประตูแล้ว แม้นว่าจะเจอฝน (อุปสรรค) แต่ ก็ยังมีฟ้าใส (ความสำเร็จ) รอเจ้าอยู่ เจ้าควรเปิดโอกาสให้คนอื่นได้รักเจ้าบ้าง ... ก่อนที่มันจะสายเกินไป **** ในนามแห่งความดี คนที่คิดว่าตนเองดี มักปิดโอกาสคนอื่นๆ ประนามคนอื่น Billy the Kids หรือโจรต่างๆ หลายคน เช่น ในเรื่อง The Batman เขาไม่ได้ปล้นเพื่อเงินทอง เขาปล้นเพื่อประชดสังคม ตอนเด็ก โดนผู้ที่อ้างตน อ้างในนามแห่งความดีทำร้ายพวกเขา นึกถึง Hitler ที่โดนชาวยิวรังแกพ่อแม่ของเขา สุดท้ายเขาเอาคืน ฆ่าคนยิวไปเป็นล้านคน ฆ่าแบบขาดสติ

อย่าทิ้งภูมิปัญญาท้องถิ่น ก็คืออย่าตัดรากตนเอง

ต้นไม้ ถ้าไม่เช่ือมโยงกัน ก่ิง ลำต้น และ ราก แถมยังหลงระเริง ไปยืมดอก ยืมผลต้นอื่นมา เสียบต้นตนเอง __ ก็มีแต่รอวันตาย ....... การหันกลับไปดูแลวัฒนธรรมตนเอง กลับไปย้อนศึกษาความผิดพลาดและสำเร็จ ในอดีตของตนเอง เรียนประวัติเชิงวิเคราะห์พพฤติกรรมมากกว่าท่องจำ ไม่ทอดทิ้งภูมิปัญญาของตนเอง เคารพรากเหง้าตนเอง สำนึกในกำพืดตนเอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ มีความเช่ือมโยง ราก ต้น ก่ิง ใบ นำ้อาหารสามารถต่อถึงกันได้หมด ดอกและ ผลท่ีได้ย่อมสมบูรณ์ และสามารถดำรงเผ่าพันธ์ เช่ือมโยงกับธรรมชาติ ไม่ให้โทษ และ ช่วยเหลือผู้อ่ืนได้ด้วย

Tuesday, September 4, 2012

ฝึกสติ ก็ต้องขยันๆ และ มีครูฝึกที่ดีด้วยนะ

ทีจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยัง มี ครูกวดวิชา คร่ำเคร่งจะเอาเป็นเอาตายกันให้ได้ จ่ายเงินไปมากมาย เสียเวลาเดินทาง ไปรับไปส่งกันได้ ____ พอ จะฝึกสติ กลับไปไม่มีครูฝึก ไม่เข้าหาบัณฑิต ไม่คร่ำเคร่ง ขี้เกียจฝึก ค่าฝึกฟรีอีกต่างหาก วัดดีๆมีมากมาย ไม่ต้องไปไกล_____ ทีฝึกกินเหล้า สูบบุหรี่ ทั้งเหม็น ทั้งขม ทั้งเปลืองเงิน สร้างความรำคาญให้ผู้คน ไม่มีครูฝึก แต่ มีคนมายั่ว ก็ว้อมฝึก จนคอแข็ง สูบได้วันละหลายซอง ยอมตายเพื่อดื่ม เพื่อสูบ _____ ซื้อเงาะ กิโลละไม่กี่บาท เลือกแล้ว เลือกอีก ต่อราคาแล้วต่อราคาอีก แต่ พอซื้อบ้าน ราคาเป็นล้าน มีแต่รูปภาพในกระดาษ จ่ายได้ง่ายดายมาก ______ พ่อแม่อดทนเลี้ยงมาด้วยความยาก ลำบาก รักแท้แน่นอน รักแบบสุดๆ ไม่เคยกลับไปดูแล แถมยังตวาด ข่มขู่พ่อแม่ พอมีผัวมีเมีย ทะเลาะกันนิดเดียว น้อยใจว่าเขาไม่รัก ฆ่าตัวตายเสียแล้ว ___

Saturday, September 1, 2012

กตัญญูกตเวที คือ รากฐานของคน

อย่าลืม หันหลังกลับไป ดูแล คนด้านหลังท่ีผลักดันส่งเสริม อดทน สนับสนุน เราด้วยนะ

อุปมา ใช้บันใดแล้ว. อย่าเผาบันใดทิ้ง หรือ ยกบันใดหนีไปท่ีอ่ืน. วางหรือ เก็บบำรุงรักษาเอา
ไว้ให้คนอื่นได้ใช้บ้าง หรือไม่แน่ สักวัน หากจำเป็น อาจจะใช้เป็นทางถอย ก็ได้. รวมไปถึงการ สร้างบันใดใหม่ด้วย
ดังนั้น เสร็จศึก อย่าฆ่าขุนพล.
องค์กรสมัยนี้. ลืมผู้มีพระคุณ. ลืมอดีต. ไม่บันทึก ไม่ศึกษา ไม่ขอบคุณ เกษียณแล้วไล่ส่ง ฯลฯ น่ีคือ องค์กรไม่เรียนรู้
คนมีกตัญญูกตเวที และ ศีลธรรม จะท่ำให้ "เหลาเอี๊ยะป๋อห่อ"